🥲🔥🧭พาเวลล์ และคณะต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วสู่ระดับที่เป็นกลางในปีนี้ ซึ่งไม่ได้กระตุ้น หรือยับยั้งการเติบโต หรือประมาณ 2.5% แล้วจึงชะลอความเข้มงวด แต่ในภาวะวิกฤต การหยุดชะงักชั่วคราวอาจทำให้เกิดการสูญเสียในขณะที่กำลังต่อสู้กับเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายความตื่นตระหนกทางการเงิน หรือการขยายตัวอัตราเงินเฟ้อ
🧭💬🗝️ลอเรนซ์ เมเยอร์ อดีตผู้ว่าการเฟด ซึ่งปัจจุบันบริหารบริษัทวิเคราะห์นโยบาย LH Meyer กล่าวว่า อย่าหยุดระหว่างทาง ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ มองไปรอบๆ มีแต่ความเร่งด่วนที่จะก้าวไปไกลกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง
📜🔥🛡️ซึ่งเฟดไม่ต้องการทำให้เกิดภาวะถดถอย และพาวเวลล์ได้แสดงความมั่นใจในความสามารถของเฟดในการดึงการลงจอดอย่างนุ่มนวล ในอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน แต่พาวเวลล์ยังให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคาอีกด้วย เขาได้กล่าวไว้เมื่อ 21 มี.ค.”หากเราเห็นว่าเราจำเป็นต้องกระชับให้มากกว่ามาตรการทั่วไปที่เป็นกลาง และเป็นท่าทีที่เข้มงวดมากขึ้น เราจะทำอย่างนั้น”
🇺🇲📑💸รายงานการประชุมในเดือนมี.ค.ยังส่งสัญญาณว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะที่จะเริ่มลดขนาดงบดุล 9 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. โดยขยับขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับสูงสุดที่ 95 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน
🤔🧭💬พาวเวลล์จะใช้เวลา 2 วันในการประเมินคณะทำงานเฟด ถ้าเขาออกมา และส่งสัญญาณนโยบายอาจต้องมีจุดยืนที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งหมายถึงเหนือการตั้งค่าที่เป็นกลาง ที่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ฉันทามติของตลาดในปัจจุบันแสดงอัตราที่สูงกว่า 3.4% แต่นั่นอยู่เหนือค่ามัธยฐานของเฟดที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมี.ค.
🧭🔥💬Ed Al-Hussainy นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราทั่วโลกของ Columbia Threadneedle กล่าวว่า พวกเขาต้องกล่าวว่าเต็มใจที่จะเสี่ยงให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยเพื่อส่งสัญญาณถึงความน่าเชื่อถือของอัตราเงินเฟ้อ
💬💬💬การคาดการณ์ของเฟดตั้งแต่เดือนมี.ค.แสดงถึงเจ้าหน้าที่เฟก 5 รายคาดการณ์ดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3% ในปี 2023 และ 2024 เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับเป้าหมาย
🧭🔥💬นักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank AG โต้แย้งว่าเฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจังมากขึ้น จนถึงช่วง 5% หรือ 6% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในปีหน้า
📑📈🔥ตัวเลข GDP สหรัฐไตรมาสแรก แสดงให้เห็นความต้องการพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยยอดขายขั้นสุดท้ายที่แท้จริงสำหรับผู้ซื้อในประเทศเร่งขึ้นเป็น 2.6% ต่อปี การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายด้านทุนยังคงเพิ่มขึ้น ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของค่าชดเชยทั้งหมดที่พาวเวลล์จับตามอง ได้เพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะหนุนอุปสงค์ และอาจรักษาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเอาไว้ได้
🔥📈🧭ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว จ้างงานเพิ่มขึ้น 385,000 ในเดือนเม.ย. ตามค่ามัธยฐานในการสำรวจของ Bloomberg News รายงานการจ้างงานรายเดือนจะเผยแพร่ในวันที่ 6 พ.ค.ค่ะ
Follow Me↙️↙️↙️↙️
📌FB:https://www.facebook.com/shininggold.th/
📌Web:https://shininggold.com/homepage
📌Telegram:https://t.me/shininggoldth
📌Line@:@shininggoldth