OPEC+ ประกาศปรับลดโควตาการผลิตน้ำมันดิบลงกว่า 1.16 ล้านbpd. ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ให้มีผล พฤษภาคมนี้ ตัวเลขนี้จะถูกนำไปรวมกับเป้าหมายลด 500,000 bpd.ของรัสเซียตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ด้วย
แต่หากมองในมุมกลับ การที่ OPEC+ ออกมาประกาศลดกำลังการผลิตนั้น ก็เกิดมาจากบริบทที่เปลี่ยนไปหลายประการ คือ ราคาน้ำมันที่ดลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แตะระดับ $63 ต่อบาร์เรล โดยเฉพาะหลังเกิด วิกฤต Bank Run แม้ทางการสหรัฐจะให้การช่วยเหลือได้ทัน ไม่ลุกลามเป็นห่วงโซ่ขนาดใหญ่ แต่ด้วยมาตรการการจำกัดความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จนยอดการปล่อยสินเชื่อหดตัวราว $20.4 พันล้านเข้าไปแล้ว หากยังหดตัวต่อเนื่องก็คงน่าจะเริ่มมีปัญหาต่อ Real Sectors หลังจากนี้ก็เป็นได้ รวมถึงการที่ Goldman Sachs มีการปรับประมาณการณ์การเกิด Recession ภายใน 12 เดือนนี้มากขึ้นเป็น 65%
ประกอบกับ. รายงานล่าสุดที่ว่า Inland Empire ของ Southern California แหล่ง Maga คลังสินค้าบนเนื้อที่กว่า พื้นที่ 27,000 ตารางไมล์ จ้างงานกว่า 210,000 ในช่วงหลังโควิด กำลังส่งสัญญาณเตือนถึงความหดตัวลงแล้วนั้น ก็ทำให้เกิดแง่คิดที่ว่า OPEC+ กำลังหาจุดสมดุลของ Demand และ Supply จริง ๆ เพื่อพยุงราคาจากการคาดว่าหลังจากนี้เศรษฐกิจจะเริ่มชะลอตัวลง หรือ เป็นข้ออ้างดันราคา กดดันเงินเฟ้อสหรัฐระลอกใหม่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะให้น้ำหนักไปทางใด แน่นอนว่า Effect ต่อทองก็ยอมต่างกันในระยะกลางอยู่ดี กล่าวคือ หากมองในแง่สัญญาณ Recession กำลังมาการลดระดับนี้อาจไม่ถือว่ามากและอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำระยะกลางต่อไปอีก แต่หากเป็นการลดเพื่อกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐ การที่เฟดเคยบอกว่า Cycle ขาขึ้นของดอกเบี้ยกำลังจะจบเร็ว ๆ นี้ก็คงไม่จบง่าย ๆ ก็เป็นได้ ……..
