🔥📑🚥จากงานวิจัยของ Urgewald ของเยอรมนี พบว่าธนาคารพาณิชย์ได้จัดสรรเงินมากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในห่วงโซ่อุปทานถ่านหินตั้งแต่ต้นปี 2019 ซึ่งการค้นพบนี้มีขึ้นเพียง 3 เดือนหลังจากธนาคารหลายสิบแห่งเข้าร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกของ Mark Carney เพื่อให้ได้การปล่อยมลพิษสุทธิเป็น 0
ซึ่งส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องต่อสู้กับอุณหภูมิที่สูงขึ้น แต่มีธนาคารระดับโลกเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยินดีที่จะหลีกเลี่ยงลูกค้าเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำกำไรได้ ผู้ให้กู้ถ่านหินรายใหญ่ที่สุด ได้แก่ Mizuho Financial Group Inc., Barclays Plc, Citigroup Inc. และ JPMorgan Chase & Co. จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าธนาคารจีนครองการจัดจำหน่ายทุนแก่อุตสาหกรรมถ่านหิน

😵🌍📑“สิ่งที่เราเห็นคือส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง” Heffa Schuecking ผู้ก่อตั้ง Urgewald กล่าวในการให้สัมภาษณ์ ว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่าบริษัทต่างๆ จะไม่เปลี่ยนแปลง การศึกษานี้มาพร้อมกับการที่โลกเผาถ่านหินมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจาก Covid-19 ทำให้เกิดความกังวลว่าปี 2022 อาจเป็นปีแห่งการถอยหลังสำหรับโครงการริเริ่มด้านสภาพอากาศบางอย่าง

📑🔥🌍Katrin Ganswindt หัวหน้าฝ่ายวิจัยทางการเงินกล่าวว่ายังมีสัญญาณของการเงินที่ลดลงในช่วงปี 2020 และ 2021 แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มหรือเป็นเพียงผลกระทบของการระบาดใหญ่ต่อเศรษฐกิจ

💰🧾🧮นักลงทุนสถาบันได้รวมการถือครองมากกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมถ่านหิน BlackRock Inc. และ Vanguard Group Inc. ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการถือครองหุ้นและพันธบัตรมากกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ต่อราย ตามรายงาน ทั้ง 2 บริษัทเป็นสมาชิกของ Net Zero Asset Manager Initiative

💰🧮🔥ผลการวิจัยของรายงานแสดงให้เห็นว่าธนาคารและผู้จัดการสินทรัพย์ยังคงมองเห็นโอกาสในการได้รับผลตอบแทน Ganswindt กล่าวว่าเงินสดจำนวนมหาศาลถูกจ่ายให้กับอุตสาหกรรมซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของสภาพอากาศค่ะ

Follow Me↙️↙️↙️↙️
📌FB:https://www.facebook.com/shininggold.th/
📌Web:https://shininggold.com/homepage
📌Telegram:https://t.me/shininggoldth
📌Line@:@shininggoldth