สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในเดือนนี้ มี อยู่ 5 เรื่องหลักคือ
1.ติดตามความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย ยูเครน จะส่งผ่านมาสู่กลุ่มประเทศสมาชิกนาโต้ในรูปแบบใดบ้าง รวมถึงความเคลื่อนไหว
- ผลการประชุมธนาคารกลางสำคัญ เช่น FED / ECB / BOE
- การประกาศตัวเลข CPI มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย สหรัฐ สหราชอาณาจักร ยุโรป
- วันที่ 5 ก.พ. ติดตามว่า มติยุโรปจะมีการระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดจากรัสเซีย หรือ มีการปรับเพดานราคาน้ำมันเพิ่มเติม หรือไม่
คืนนี้ยังคงต้องติดตามประชุม FED เป็นสำคัญว่า จะมีคำพูดเชิงเปิดทางให้ทองคำได้มีโอกาสดีดตัวทะลุ 1975 หรือ 1985 หรือไม่ ซึ่งหากจะสามารถทะลุแนวดังกล่าวได้จริง เทคนิคระยะกลางจะมีการเปลี่ยน Momemtum บวก เพื่อขึ้นต่ออีกระดับ แต่ในทางกลับกัน หากไม่สามารถ Break หรือยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ Momemtum จะยังคงเดิมที่ต้องกลับมาอิงข่าวยุโรปที่อาจส่อแววเชิงลบต่อทองคำในช่วงกลาง และอาจเสี่ยงเกิดการปรับฐานในรอบเดือนได้ ทั้งนี้คำพูดของเฟดที่จะทำให้เปลี่ยน Momemtum รายเดือนเป็นบวกต่อเนื่องนั้นต้องชี้ทางพอควร อาทิเช่น เฟดส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ทุกคนคาด [เกิดในปีนี้] หรือไม่ก็อาจจะมีการชะลอการลดBalance Sheet เพราะกังวลการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ก็จะยิ่งสนับสนุนทองเชิงบวกเข้าไปอีก แต่หากไม่มีการพูดถึงก็ถือว่าไม่มีอะไร Surprise ตลาด หลังจากจึงค่อยกลับมาให้น้ำหนักกับ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และ ยูเครนแทน ซึ่งตอนนี้ถือว่าทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่ ปธน. ชเลนกี้ ของยูเครน ร้องขอรถถังเพื่อเสริมศักยภาพในการต่อกรกับรัสเซียต่อชาติตะวันตก ในที่สุดสหรัฐตัดสินใจประกาศส่ง M1 Abrams ให้จำนวน 31 คัน หลังจากนั้นเยอรมนีก็ประกาศจะส่ง Leopard2 ให้ 14 คัน และ อังกฤษ ประกาศก่อนหน้าว่าจะส่ง Challenger ให้อีก 14 คัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหลายฝ่ายรวมถึงยูเครนก็มีการคาดการณ์กันว่าจะต้องมีรถถังหนักประมาณ 300-500 คันจึงจะอยู่ในสภาพที่จะสู้กับรัสเซียในสมรภูมิรบได้ แต่ในความจริงการส่งของชาติตะวันตก หากนับในปัจจุบันก็ไม่น่าจะถึง และล่าสุดรถถังยังไม่ทันได้เริ่มออกเดินทาง กระทรวงกลาโหมของยูเครนรวมถึงตัวประธานาธิบดีก็ได้เรียกร้องให้ทางฝั่งตะวันตกส่งขีปนาวุธ จรวด เครื่องบิน F-16แต่ทางเยอรมนีตอบกลับปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าจะไม่มีการส่ง F-16 ให้ยูเครนแต่อย่างใด และย้ำถึงจุดยืนของประเทศตนว่าไม่ต้องการให้สงครามขยายวงกว้าง หากมาพิจารณาจากเนื้อความข้างต้น
คล้าย ๆ ว่าสงครามได้ก้าวเข้ามาสู่อีกระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่การลิมิต หรือ การปฏิเสธขอเรียกร้องอาวุธสงคราม อย่างเช่น จรวด ทหารราบ F-16 ก็ยังดูเหมือนว่าทางเยอรมนีก็พยายามจะ แสดงออกถึงความไม่ต้องการเข้ามีส่วนร่วมในสงครามดังกล่าวโดยตรง คล้าย ๆ กับเป็นการเบรคความร้อนระอุของความบานปลายจากประเด็นรถถังได้ในระดับหนึ่ง ทำให้โอกาสขยายความขัดแย้งถูกบีบแคบกลับเข้ามาอีกครั้ง ประกอบกับ รถถังไม่สามารถเดินทางถึงได้ในเวลารวดเร็ว อาจใช้เวลาเป็นแรมเดือนทำให้เชื่อว่าความรุนแรงที่จะปะทุจนจนทำให้ทองคำดีดตัวขึ้นจากส่งสงครามแนวร่วมใหม่ในเดือนนี้ริบหรี่ลง จึงตัดประเด็นบวกที่ทำให้ทองดีดขึ้นแรงๆ ต่อเนื่องออกไป เหลือแต่เพียงสงครามที่อาจเกิดจากมาตรการคว่ำบาตร โดยเฉพาะวันที่ 5 ก.พ. ที่ต้องมาติดตามกันว่า มติยุโรปจะมีการระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดจากรัสเซียจริง ๆ หรือไม่ หรือ มีจะการปรับเพดานราคาน้ำมันเพิ่มเติมทดแทนมาตรการดังกล่าว แต่การปรับเพดานราคาน้ำมัน หากกดราคาให้ต่ำจนเกินไป อาจจะเป็นบีบรัสเซียให้ไม่อยากส่งออก หรือ ผลิตพลังงานสู้ตลาดโลกมากนัก ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็จะย้อนกลับมามีผลต่อราคาพลังงานในยุโรปอีกระลองก็เป็นได้ ดังนั้นหากสถานการณ์ความรุนแรงในเดือนนี้เป็นเพียงสงครามเย็น สงครามการบีบครั้นพลังงาน ก็อาจจะส่งผลต่อ Currency Movement มากกว่าก็อาจจะทำให้เกิดการย่อตัวของทองคำ แต่จะย่อเยอะ หรือย่อน้อยก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของมาตรการคว่ำบาตรและการตอบโต้กลับจากฝั่งของรัสเซีย และ ท้ายที่สุดนี้สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ยุโรป และ ประเทศสำคัญ หลังจากราคาพลังงานเริ่มมีการดีดตัวในช่วงเดือนที่ผ่านมาจะทำให้เงินเฟ้อเด้งขึ้นหรือไม่ หากไม่เกิดการลดลงต่อเนื่องลงมาอีก อาจจะกดดันราคาทองคำให้สามารถพักฐานได้มากขึ้น
ปัจจัยทางเทคนิค : ลุ้นจุดเปลี่ยนเกมส์คือ 1985
Strategy: กรณีไม่ผ่าน 1975 หรือ 85 รอย่อตัวเข้าซื้อสะสม 1865-55 / 1820แต่หากผ่านได้ ค่อยพิจารณาซื้อเล่นรอบตามกลยุทธ์รายสัปดาห์แทน
แนวโน้มค่าเงินบาท
หากจะพิจารณาราคาทองคำไทย นอกจาก Gold Spot แล้วยังต้องคำนึงถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเป็นสำคัญ ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วมาเกือบ 1.96 บาท หรือราว 5.6% ก็มีหลายปัจจัย อาทิเช่นความคาดหวังว่าเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่เล็กลง จากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับเงินเฟ้อบ้านเราที่คาดว่าน่าจะผ่านจุด Peak มาแล้ว โดยปีที่ผ่านมา เงินเฟ้อมักจะมาจากด้านอุปทาน (Supply) คือราคาอาหารและพลังงาน แต่ปีนี้จะมาจากทางฝั่ง อุปสงค์ (Demand) จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศของจีน และมาตรการต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็เริ่มลดลงมาแล้วแต่ค่อย ๆ ลดลง เศรษฐกิจโลก ณ ปัจจุบันมองว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ตลาดแรงงานสหรัฐ การจ้างงานยังไปได้ดี ค่าจ้างแรงงานเริ่มลดลง อัตราว่างงานยังคงต่ำ หากพิจารณาทางฝั่งของ EU ที่ใกล้จะผ่านพ้นช่วงฤดูมาอย่างราบรื่นกว่าที่คาด อาจเป็นเพราะอุณหภูมิปีนี้อาจไม่ได้ลดลงมาก ค่อนข้างจะอบอุ่นกว่าปีก่อนเสียด้วยซ้ำ ทำให้ความกังวลเรื่องภาวะ เศรษฐ กิจถดถอยดูอ่อนแรงลงกว่าเดิมเล็กน้อย อันนี้ยังเป็นประเด็นหักล้างมุมมองค่าเงินบาทให้ไม่แข็งค่าไปมากนัก ขณะที่อีกประเด็นหลังจากจีนเปิดประเทศก็ทำให้ทาง BOT มีการปรับประมาณการณ์ใหม่จากเดิมคาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มเป็น 22 ล้านคน ในปีนี้มาเป็น 25.5 ล้านคน อาจจะสนับสนุนการแข็งค่าของค่าเงินบาทจากเม็ดเงินที่กำลังจะทยอยไหลเข้ามา แต่ส่วนนี้ก็อาจจะไปลดทอนการขยายตัวของการส่งออกในช่วงต้นปีนี้แต่ก็ไม่มากนัก ตราบใดที่ GDP ของ trading Partners ต่างประเทศยังมีกำลังอยู่ การส่งออกก็ยังคงไปได้เช่นกัน เลยทำให้ดูเหมือนว่าค่าเงินบาทในภาพใหญ่ของปีนี้กลายเป็นเทรนด์แข็งค่า แต่เชื่อว่าการทยอยรับรู้ข่าวในช่วงที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนออกมาในรูปของค่าเงินบาทเกือบจะทั้งหมดแล้ว
หากพิจารณาปัจจัยทางเทคนิคจะพบว่า ณ บริเวณ 32.50 ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสจะนำพาไปสู่การกลับตัวทางเทคนิคในอนาคต หากการเลี้ยงตัวจากจุดดังกล่าวสามารถทะลุ 33.30 และ 34.22 ตามลำดับ และเราจะสามารถตัดประเด็นการกลับมาแข็งค่า 31.85 ลงได้เมื่อบาททะลุ 34.22 โดยสมบูรณ์
ราคาทองคำไทยแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 29400 – 30200 และ 30500
การที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีราวเกือบ 2 บาทนั้น ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะกลางที่จะรอเข้าสะสมซื้อทองคำเป็นราคาบาทไทย ซึ่งจุดการพิจารณาความเป็นไปได้ของการกลับตัวของค่าเงินบาทระยะกลางบริเวณ 32.50 ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หรือหากมีเหตุปัจจัยใดให้แข็งค่าต่อไป 31.85 พิจารณา ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้เคียงแนวดังกล่าวแล้ว ดังนั้นการหาจังหวะเข้าซื้อราคาทองคำไทยจึงแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก ๆ คือ ช่วงที่ 1 บริเวณ 29700-600 และ ช่วงที่ 2 บริเวณ 29450-300