สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในเดือนนี้ มี อยู่ 5 เรื่องหลักคือ
- นโยบายธนาคารกลางสำคัญ เช่น FOMC Minute [4 มค.] l BOJ Policy Rate [17 มค.]
- การประกาศตัวเลข CPI มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ สหรัฐ ไทย
3.จีนจะผ่อนคลายแผนการจัดการการระบาดโควิดของประเทศจากระดับ A เข้มงวดสูงสุดเป็นระดับ B ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566
4.สหภาพยุโรป จะมีการทบทวนเพดานราคาพลังงาน กลางเดือน มกราคม และทุกๆ 2 เดือนหลังจากนั้น
เดือนมกราคม สำหรับวันแรกของปีการลงทุน ทองคำได้ดีดตัวขึ้นราวกว่า 20 เหรียญ พยายามทดสอบแนวต้านสำคัญ 1 ใน 2 จุดหลักที่ถือเป็นด่านวัดใจ หรือ ควันหลงจาก Volume เบาบางช่วงเทศกาล คริสต์มาส ปีใหม่ในเทรนด์ Sideway Up ภาพรวมเดิม ก่อนเข้าสู่ปัจจัยข่าวของเดือนนี้อย่างเป็นทางการ นัยะทางเทคนิค หากทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านกรอบเดิมของ Pattern Rising Wedge ที่ขยายตัวออกด้านข้าง 1852 หรือ 1862 ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกได้ ก็มีโอกาสจะเกิดการพักฐาน ให้นักลงทุนรายเดือนได้ตั้งรับเข้าซื้อเล่นรอบบริเวณ 1802 และ สะสม 1775 หรือ 1735 ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยข่าวที่กำลังทยอยเข้ามา แต่ในทางกลับกัน หากทองคำสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวขึ้นได้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม อาจหมายถึงข่าวนอกตาราง หรือ ข่าวในตารางที่แปรเปลี่ยนไปในลักษณะทีเข้ามา Surprise จนทำให้เกิดแรง Panic BUY ก็อาจจะต้องมีการปรับระดับแนวเข้าซื้อกันใหม่ตามข่าวที่เข้ามากระทันหันทันที เหตุที่ต้องมีไว้ทั้ง 2 มุมมองเป็นทางเลือก ก็เพราะ 1. เดือนนี้เป็นเดือนที่จีนมีการประกาศว่าจะเปิดประเทศมากขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้า ออก ประเทศ ทำให้เชื่อว่าการเดินทางที่ขยายตัวมากขึ้นจะกระตุ้นให้เกิดการบริโภค มีการจับจ่ายใช้สอย เกิดการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องติดตามนโยบายก้าวต่อไปของจีนอย่างใกล้ชิด สำหรับสถานการณ์โควิดในจีนเวลานี้ สื่อจีนต่างประเมินกันว่าปราชนราว 70% จากทั้งหมด 25 ล้านคนของเซี้ยงไฮ้อาจติดโควิดแล้ว สอดคล้องกับอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา เกาหลีใต้ สเปน กาตาร์ ที่ประกาศมาตรการให้ผู้เดินทางจากจีน ต้องแสดงผลตรวจโควิดแบบ PCR ที่เป็นลบก่อนเข้าประเทศ ขณะที่สหภาพยุโรป เสนอมอบวัคซีนฟรีแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมหนุนให้บังคับใช้มาตรการตรวจเชื้อโควิดก่อนออกเดินทาง ประกอบกับเดือนนี้เป็นเดือนแห่งเทศกาลตรุษจีนที่คาดว่าจะเป็นเดือนของการปรับตัวขึ้นของทองคำเป็นปกติอยู่แล้ว ประกอบกับเดือนนี้ไม่มีการประชุม FOMC เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย แต่เป็นเพียงการรายงานผลการประชุมของรอบเดือน ธันวาคมที่ตลาดก็น่าจะรับรู้ไว้แล้วว่า เฟดยังคงเดือนหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในช่วงไตรมาสแรก แต่ขนาดการปรับขึ้นเริ่มลดลงและคาดหวังว่า Terminal rate จะอยู่ที่ 5.1% ก่อนจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป แต่สิ่งที่ไม่อาจละความสนใจได้เลยคือการประกาศตัวเลข CPI มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ สหรัฐ ไทย ที่จะส่งผลกระทบทั้ง Gold Spot และ ค่าเงินบาทเช่นกัน สำหรับมาตรการ BOJ ควรให้ความใส่ใจอย่างยิ่งเนื่องจากนโยบายช่วงหลังๆ ยังเน้นไปในทิศทางที่เริ่มจะเข้มงวดมากขึ้นจากล่าสุดที่ญี่ปุ่นมีการปรับเพดานอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีให้สามารถสวิงได้ในกรอบที่กว้างขึ้นคือ +0.5 ถึง -0.5 ผลที่ได้ทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ผลักดันดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาไม่น้อย จึงทำให้มีกระแสการคาดการณ์มากขึ้นว่าหลังจากนี้ไป BOJ อาจมีมาตรการ Surprise ที่คล้ายกับมาตรการดังกล่าวอีกก็เป็นได้ สุดท้ายหากกลับมาพิจารณาค่าเงินยูโร การเดินหน้าเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ประกอบกับนโยบายล่าสุดที่จะมีการทบทวนเพดานราคาพลังงาน กลางเดือน มกราคม และทุกๆ 2 เดือนหลังจากนั้น อาจเป็นชนวนเพิ่มความขัดแย้งกดดันค่าเงินยูโรให้กลับมาอ่อนค่าดอลลาร์แข็งบางช่วงก็ถือเป็นโอกาสดีให้ เข้าซือทองในราคาที่ลดลงกว่า ปจบ. ก็เป็นได้
ปัจจัยทางเทคนิค : ทองคำ SW Way UP ระยะกลาง
Strategy: ย่อตัวเข้าซื้อสะสม 1775/1735 [จุดละไม่เกิน 30%]
แนวโน้มค่าเงินบาท
ภาพรวมค่าเงินบาท ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัยบวกที่ทยอยเข้ามาในช่วงต้นปี ทั้งปัจจัยภายในเรื่องความคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยว รวมถึงกระแสการเลือกตั้งที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวตามรายงานตัวเลขสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตลอดปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. พบว่ามีจำนวน 11,818,727 คน สูงกว่าเป้าหมายของ ททท.ที่ตั้งไว้ 10 ล้านคน เฉพาะเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นและมีเทศกาลคริสต์มาสกับปีใหม่ มีจำนวนเดินทางเข้าไทยตั้งแต่ระดับ 65,000-93,000 คนต่อวัน ซึ่งในปีนี้เองก็คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจากตางชาติจะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก โดยเฉพาะชาวจีน ตามมาตรการล่าสุดที่รัฐบาลจีนประกาศว่าจะมีการผ่อนปรนมาตรการ Zero Covid จะยกเลิกการกักตัวนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม รวมถึงมาตรการเดินทางเข้าออกอื่นๆ นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคนในประเทศไทยในปี 2562 ดังนั้นหากจีนมีการเปิดประเทศจริง คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นแรงหนุนค่าเงินบาทให้กลับมาแข็งค่าในระยะกลาง
หากพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิค กราฟรายเดือนค่าเงินบาทยังไม่พบสัญญาณการกลับตัว ดังนั้นจึงต้องพิจารณาแนวฐานทีละระดับ ประกอบข่าวการลงทุนที่เข้ามาว่าจะพบสัญญาณการกลับตัวอีกหรือไม่ อาทิเช่น 33.90 / 33.35 / 32.70
การคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำไทย
ราคาทองคำไทยแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 29000 – 30400 เช่นเดิม
เงื่อนไขที่ 1 : หากค่าเงินบาทไม่หลุดแนวฐาน 33.90 แนวรับจะยังไม่ลึกมาก พิจารณา 2 จุดที่น่าเข้าเล่นรอบ คือ 29700-600 / 29400
เงื่อนไขที่ 2 : หากค่าเงินบาทหลุดแนวฐาน 33.90 และ Spot ยังไม่สามารถทะลุ 1858 ได้ราคาทองคำไทยจะมีโอกาสปรับฐานเชิงลึกขึ้น โดยแบ่งแนวรับออกเป็น 3 ช่วง คือ 29400 / 29000