พิจารณาปัจจัยทางเทคนิค : ทองคำยังอยู่ในอาณาเขตของการทำ Handle Cup อยู่

                จริง ๆ ประเด็นหลัก ๆ ของปีนี้ที่ตลาดให้ความสนใจ และเป็นกังวลมาก ๆ เลยก็น่าจะเป็น ช่วงเวลาใดที่ FED จะทำ QE Tapering? หากทำแล้วจะเริ่มที่ปริมาณเท่าไหร่ ? จะเท่ากับปี 2013 หรือมากกว่า เพราะด้วยขนาดของวงเงินในการทำ QEในรอบนี้ และรอบที่แล้วก็ต่างกันมากถึงเดือนละ 40Bn เลยทีเดียว ขณะที่การประชุมสัมมนาเชิงวิชาการที่ Jackson Hole นายเจโรม พาวเวลก็ให้ความชัดเจนกับตลาดมากขึ้นว่า เฟดอาจจะทำ Tapering ในสิ้นปีนี้ เพียงแต่ยังไม่ระบุปริมาณ แต่กลับดักคอไม่ให้ตลาดไปคาดเดาตัวเลขของการ Tapering แต่ละครั้งว่าจะทำให้ QE สิ้นสุดเมื่อไหร่และดอกเบี้ยอาจจะขึ้นตามหลังจากนั้นไม่นาน ไว้ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นเร็วหลังจากนั้นเพื่อป้องกันดการ Panic ซึ่งหากเฟดสามารถทำได้เช่นนั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนคำพูดใด ๆ อีกในการประชุมเฟดอีก 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้ ก็เชื่อว่าการย่อตัวของทองตามจุดสำคัญตามเทคนิค ยังเป็นจุดรับที่สามารถลงทุนได้

Strategy คือ ย่อตัวเข้าซื้อสะสม เก็งกำไรเป็นรอบได้

         ตราบใดที่เฟดยังคงมุ่นมั่นที่จะทำ QE Tapering ตามคำแถลงการณ์ของนายเจโรม พาวเวลที่  Jackson Hole อยู่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นกว่าเดิม หรือมีการ Surprise ตลาดอื่นๆอีก โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายเฟด ก็เชื่อว่าในปีนี้ไม่น่าจะเกิด New Low ต่ำกว่า 1675 อีก ซึ่งหากเป็นตามสันนิษฐาน การวางกลยุทธ์ในช่วงเดือนนี้จะเน้นย่อตัวเข้าซื้อโดยแบ่งเป็นช่วงในกรอบ Triangle 4H ให้เก็งกำไร บริเวณ 1798/1786 [SL=1780] ทำกำไรในกรอบ 1827 Break ได้เมื่อไหร่จึงทำการ Follow Buy กันใหม่ ช่วงที่ 2 กรณีหลุด 1780 ลงมาแต่ไม่ควรจะมาจากปัจจัยเรื่อง Taper กับ ดอกเบี้ย ก็จะทำการสะสมเข้า Port 1768/1723 จุดละไม่เกิน 20%

กลยุทธ์ของกรอบราคาทองไทย 96.5%

แบ่งรอบเข้าสะสมทองคำราคาไทย 3 ระดับ ตามปัจจัยกรอบการลงทุน
       แนวรับแรก  27,600 [+/- (50-130)] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับยืนฐานเพื่อกลับเทรนด์ หรือ ไหลลงต่อเพื่อแบ่งไม้สะสมสมเพิ่ม
       แนวรับที่ 2  และ 3:  รอสะสมแบบเว้นระยะกลาง หรือ เล่นรอบ 27,000[+/- (50-120)] / 26,500[+/- (50-120)]   จุดละ ไม่เกิน 25%