Focus On..

 Wed 26:  FOMC Meeting              
    การประชุมเฟดรอบนี้ท้งนักเศรษฐศาสตร์และสถาบันต่าง ๆ ต่างก็เริ่มคาดการณ์กันว่า เฟดน่าจะส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคม  บางแห่งคาดการณ์ว่าปีนี้อาจปรับขึ้น 3-4 ครั้ง หรือมากกว่านั้น หากไม่สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ สิ่งที่ตลาดรอคอยอาจไม่ใช่ จำนวนครั้งของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่อาจหมาบรวมว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อรอบกี่ basis point และจะมีการลด Balance Sheet เร็วกว่าที่คาดการณ์เดิมอีกหรือไม่ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงที่สุดในรอบ 40ปี และการแพร่ระบาดของ Omicron ยังเป็นปัญหาต่อราคาสินค้า และ Supply บางชนิดที่เกี่ยวเนื่องมาจากการขาดแคลนแรงงานบางอุตสาหกรรม

Thurs 27:   US Initial Jobless Claims

Strategy

     BET 1: ย่อตัวเสี่ยง Open Long ก่อนเฟด 1825-22 [SL=1818]   เสี่ยงสูง 
     BET 2: Rebound Open Short 1855-57 [SL=1868]
     BET 3: กรณี Break 1862 ได้ Follow Buy [SL=1852]

        สำหรับสัปดาห์นี้  เชื่อว่าตลาดรับข่าวการคาดการณ์โอกาสที่เฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมีนาคมมาพอสมควรแล้ว นักลงทุนบางกลุ่มรวมถึงสถาบันต่างๆ ส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ครั้งละ 25 bps. บางกลุ่มอาจมองถึงมากกว่า 4 ครั้ง หรือบางกลุ่มอาจมีมุมมองที่ต่างออกไปอีกว่าเฟดควรปรับขึ้นรอบแรก 50 bps.เลยก็มี ล่าสุดนักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs Group . นำโดย Jan Hatzius กล่าวว่าพวกเขาเห็นความเสี่ยงที่ Federal Reserve จะกระชับนโยบายการเงินในการประชุมนโยบายทุกครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นแนวทางเชิงรุกมากกว่าที่ธนาคาร Wall Street คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ซึ่งเดิมพวกเขาคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม และจะประกาศการเริ่มต้นของการลดงบดุลในเดือนกรกฎาคม แต่พวกเขากล่าวว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น อาจมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ “ในการประชุมทุกครั้งจนกว่าภาพอัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนไป” นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า “สิ่งนี้ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นเพิ่มเติมหรือการประกาศงบดุลก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม และอาจมีการปรับขึ้นมากกว่าสี่ครั้งในปีนี้” “เราสามารถจินตนาการถึงตัวกระตุ้นที่เป็นไปได้หลายประการสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมต่อเนื่องกัน”

         ดังนั้นจะเห็นได้ว่ายิ่งตลาดมการเพิ่มน้ำหนักการ Bet มากขึ้นเท่าไหร่ แรงเหวี่ยงจากสถานการณ์พลิกผันจากที่คาดย่อมมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ในสัปดาห์นี้ทางเราจึงกำหนดกลยุทธ์การลงทุนเป็ฯ 3 ลักษณะ ตาม Paper หน้า 1 และให้กรอบน้ำหนักราคาไทยโดยมีแนวต้านสำคัญ 28800-850 หากไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวหรือยืนไม่ได้หลังการประชุมเฟดควรระวังการปรับฐาน